ในการศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงปัญหาการจัดทำบัญชีสิ่งแวดล้อมของสถานประกอบการภาคอุตสาหกรรมในจังหวัดลำปาง โดยใช้แนวคิดทฤษฎีแนวคิดเกี่ยวกับบัญชีสิ่งแวดล้อมแผนกการพัฒนาอย่างยั่งยืนแห่งองค์การสหประชาชาติ(UN Division of Sustainable Development: UN DSD ) และ สมาพันธ์นักการบัญชีนานาชาติ ( IFAC) และ แนวคิดเกี่ยวกับบัญชีสิ่งแวดล้อมของบริษัทบางจากปีโตเลียม จำกัด (มหาชน)  เก็บรวมรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถามกลุ่มเจ้าของกิจการหรือผู้บริหารหรือวิศวกรหรือผู้ที่เกี่ยวข้องโรงงานละ  1 คน รวม 118 คน  และ เจ้าหน้าที่บัญชีโรงงานละ  1 คน รวม 118 คน ของอุตสาหกรรมในจังหวัดลำปาง  10 กลุ่ม คืออุตสาหกรรมเซรามิค   เฟอร์นิเจอร์และเครื่องเรือน   เคมีและผลิตภัณฑ์จากครั่ง เครื่องดื่ม   อาหาร   สิ่งก่อสร้าง   กระดาษและผลิตภัณฑ์จากกระดาษ เครื่องจักรกลและโลหะ เหมืองแร่  และอุตสาหกรรมอื่นๆ  วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงเชิงพรรณนา  (Descriptive Statistic) ได้แก่ ร้อยละ (Percentage) และความถี่ (Frequency) 

ผลการศึกษาพบว่า  เจ้าของกิจการ/ผู้บริหารทั้ง 10  อุตสาหกรรม มีสามารถเขียน PEMA ของกิจการตนเองได้  มีความรู้ความเข้าใจข้อมูลทางกายภาพ  เจ้าของกิจการ/ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่บัญชี สามารถระบุผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมีอะไรออกมาจากกระบวนการผลิต มีความรู้ความเข้าใจข้อมูลทางการเงินโดยแบ่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม 7 ประเภท คือ   อากาศและชั้นบรรยากาศ  น้ำเสีย ของเสีย  ดินและน้ำใต้ดิน  เสียง   ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตและภูมิทัศน์และ รังสี  เจ้าหน้าที่บัญชีสามารถระบุผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจัดหมวดหมู่เข้าเป็นต้นทุนต่าง ๆ 5 ประเภทได้  คือ ต้นทุนวัตถุดิบที่ทำให้เกิดผลิตภัณฑ์    ต้นทุนวัตถุดิบที่ไม่ทำให้เกิดผลิตภัณฑ์  ต้นทุนในการควบคุมมลพิษและของเสีย  ต้นทุนในการป้องกันและจัดการสิ่งแวดล้อม  และ ผลผลิตพลอยได้และการนำของเสียมาใช้ใหม่ 

ในด้านความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับบัญชีสิ่งแวดล้อมและปัญหาการจัดทำบัญชีสิ่งแวดล้อมของเจ้าหน้าที่บัญชี พบว่า

    1.   ผลการศึกษาอุตสาหกรรมเซรามิค  พบว่า เจ้าหน้าที่บัญชี มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับบัญชีสิ่งแวดล้อมในระดับมากที่สุด มีค่าร้อยละ  89.34  มีปัญหาอยู่ในระดับน้อยและน้อยที่สุด มีค่าร้อยละรวมโดยเฉลี่ย 55.51  

  2. ผลการศึกษาอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์และเครื่องเรือน พบว่า เจ้าหน้าที่บัญชี มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับบัญชีสิ่งแวดล้อมอยู่ในระดับมากที่สุดคิดเป็นจำนวนร้อยละ 88.54 มีปัญหาอยู่ในระดับน้อยและน้อยที่สุด มีค่าร้อยละรวมโดยเฉลี่ย 62.50  

      3. ผลการศึกษาอุตสาหกรรมเคมีและผลิตภัณฑ์จากครั่ง พบว่า เจ้าหน้าที่บัญชีมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับบัญชีสิ่งแวดล้อม ในระดับมากที่สุด  คิดเป็นจำนวนร้อยละ 100  มีปัญหาอยู่ในระดับน้อยและน้อยที่สุด มีค่าร้อยละรวมโดยเฉลี่ย 60.42  

4. ผลการศึกษาอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม พบว่า เจ้าหน้าที่บัญชีมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับบัญชีสิ่งแวดล้อม ในระดับมากที่สุด คิดเป็นจำนวนร้อยละ 89.06 มีปัญหาอยู่ในระดับน้อยและน้อยที่สุด มีค่าร้อยละรวมโดยเฉลี่ย 89.06                  

5. ผลการศึกษาอุตสาหกรรมอาหาร พบว่า เจ้าหน้าที่บัญชีมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับบัญชีสิ่งแวดล้อมในระดับมากที่สุด คิดเป็นจำนวนร้อยละ 96.42  มีปัญหาอยู่ในระดับน้อยและน้อยที่สุด มีค่าร้อยละรวมโดยเฉลี่ย 89.06  

6.  ผลการศึกษาอุตสาหกรรมสิ่งก่อสร้าง  พบว่า เจ้าหน้าที่บัญชีมีความรู้ความเข้าใจ

เกี่ยวกับบัญชีสิ่งแวดล้อมในระดับดีมาก คิดเป็นจำนวนร้อยละ 100  มีปัญหาระดับ มากที่สุด มากและปานกลาง ค่าร้อยละรวมโดยเฉลี่ย 77.09   

7. ผลการศึกษาอุตสาหกรรมกระดาษและผลิตภัณฑ์จากกระดาษ  พบว่า เจ้าหน้าที่บัญชีมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับบัญชีสิ่งแวดล้อมอยู่ในระดับมากที่สุด คิดเป็นจำนวนร้อยละ 100 มีปัญหาระดับ มากที่สุด มากและปานกลาง ค่าร้อยละรวมโดยเฉลี่ย 62.50 

8. ผลการศึกษาอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลและโลหะ พบว่า เจ้าหน้าที่บัญชีของอุตสาห- กรรมเครื่องจักรกลและโลหะมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับบัญชีสิ่งแวดล้อม คิดเป็นจำนวนร้อยละ 100 มีปัญหาอยู่ในระดับน้อยและน้อยที่สุด มีค่าร้อยละรวมโดยเฉลี่ย 81.25 

9.  ผลการศึกษาอุตสาหกรรมเหมืองแร่  พบว่า เจ้าหน้าที่บัญชีของอุตสาหกรรมเหมืองแร่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับบัญชีสิ่งแวดล้อมอยู่ในระดับดีมาก คิดเป็นจำนวนร้อยละ 91.67  มีปัญหาระดับ มากที่สุด มากและปานกลาง ค่าร้อยละรวมโดยเฉลี่ย  60.42

10. ผลการศึกษาอุตสาหกรรมอื่นๆ ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ผลิตภัณฑ์ใบเลื่อน ผลิตภัณฑ์น้ำแข็งและอู่ซ่อมรถ พบว่า เจ้าหน้าที่บัญชีของอุตสาหกรรมอื่นๆ มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับบัญชีสิ่งแวดล้อมอยู่ในระดับมากที่สุด คิดเป็นจำนวนร้อยละ 93.75 มีปัญหาอยู่ในระดับน้อยและน้อยที่สุด มีค่าร้อยละรวมโดยเฉลี่ย 56.25